พระธรรม นาฮูม
บทที่ 1:1-10 พระเจ้าทรงพิโรธนครนีนะเวห์
นี่เป็นนิมิตเรื่องเมืองนีนะเวห์ที่ นาฮูมชาวเอลโขชได้เห็นและเล่าไว้
ธ ไม่ปล่อยให้เขาเฝ้ากราบไหว้ พระอื่นไซร้ทรงลงโทษโกรธนักหนา
ต่อผู้เป็นศัตรูองค์ทรงเดชา เกรี้ยวกราดกล้าต่อเขาพลันท่านตอบแทน
ไม่ทรงกริ้วง่ายดายคลายข้องจิต แต่ทรงฤทธิ์เกรียงไกรยิ่งใหญ่แสน
ไม่ปล่อยคนผิดไปให้พ้นแดน ก่อนแก้แค้นลงทัณฑ์อันสมควร
ทรงเสด็จดำเนินไปที่ใดนั้น ณ ที่นั่นพายุจัดพัดปั่นป่วน
ฝุ่นกระจายฟ้งตลบอยู่อบอวล ดำเนินด่วนดุจเมฆมัวมืดทั่วไป
ทรงตรัสสั่งทะเลซ้ำฤทธิ์สำแดง มันก็แห้งเหือดพลันทั่วกันได้
ทรงบันดาลแม่น้ำนิ่งยิ่งเร็วไว ให้หยุดไหลกลับแล้วแห้งลงพลัน
ทุ่ง บาชาน ก็แห้งแล้งเหลือเข็ญ เขา คารเมล เป็นสีคล้ำน้ำตาลนั่น
ดอกไม้บน เลบานอน อ่อนแรงครัน ซบเซากันทั่วภูเขาเหี่ยวเฉาลง
ทอดพระเนตรภูเขาพลันมันหวั่นไหว ต่อพักตร์ไท้เขาสลายกลายเป็นผง
แผ่นดินไหวคราพระเจ้าสำแดงองค์ โลก ชน คงหวั่นกลัวทั่วธานี
คราพระองค์ทรงโกรธพิโรธนัก ใครเล่าจักรอดชีพได้กลายเป็นศพ
ใครรอดพ้นความกราดเกรี้ยวหาได้พบ ของภูมีไปได้ไม่เห็นเลย
โทโสของ ธ พลุ่งดูรุ่งโรจน์ ดุจเพลิงโชติช่วงแสงแรงเปิดเผย
ศิลาป่นเป็นผงลงกองเกย สงบเฉยเบื้องพักตร์องค์พระทรงธรรม
พระเจ้านั้น แสนประเสริฐเลิศนักหนา ป้องประชาคราลำบากยากกระหน่ำ
ทรงคุ้มครองผู้คืนหลังทั้งกระทำ ลบร้อยช้ำเมื่อหวนกลับรับดูแล
สายชลเชี่ยวฉันใดไหลล้นปรี่ ทรงขยี้ศัตรูพลันฉันนั้นแน่
ผู้ขัดขวางทางพระองค์คงสิ้นแด ต้องพ่ายแพ้ดับดิ้นสิ้นชีวัน
ท่านคิดแผนร้ายอันใดไม่ประจักษ์ ต่อพระพักตร์พระเจ้าของเรานั่น
ธ จะล้างทำลายลงทรงฟาดฟัน ใครขวางกั้นครั้งสองได้ไม่มีทาง
ท่านจะถูกเผาผลาญรานทำลาย ให้สูญหายพังภินท์สิ้นทุกอย่าง
ดุจหนามเกี่ยวเหนี่ยวไว้ไม่เบาบาง เหมือนหญ้าร้างแห้งกรอบแลรอบไป
บทที่ 2:1-12 เมืองนีนะเวห์ล่มจม
นีนะเวห์ อนาถนักจักเคราะห์ร้าย ศัตรูหมายจู่โจมโหมกระหน่ำ
อำนาจที่หวังทำลายหมายก่อกรรม ให้แตกช้ำเหลือคณนามาถึงพลัน
เจ้าจงจับอาวุธยุทธนา ป้องพาราคุ้มไว้ให้คงมั่น
เฝ้าถนนหนทางอย่างดีครัน เตรียมป้องกันทำศึกสู้หมู่ไพรี
(พระเจ้าจะทรงให้อิสราเอลได้รับความรุ่งเรืองดังที่เคยมีก่อนข้าศึกปล้นเมือง)
ทหารฝ่ายศัตรูหมู่ข้าศึก ปัจนึกถือโล่แดงดูแข็งกล้า
สวมเครื่องแบบแดงทั้งนั้นหวั่นอุรา น่าเกรงขามดุจสายฟ้าคราคะนอง
นายทหารถูกเพรียกเรียกตัวมา รับบัญชาสั่งทหารการทั้งผอง
ฝ่ายโจมตีไปกำแพงแบ่งเป็นกอง ตั้งโล่ป้องกันเครื่องพุ่งกระทุ้งครัน
ประตูเมืองด้านแม่น้ำพังคว่ำลง ไม่มั่นคงอยู่ได้พาไหวหวั่น
พระราชวังถ้วนทั่วตื่นตัวกัน ต่างเสียขวัญตระหนักแสนตกใจ
ราชินีถูกจับเป็นเช่นเชลย ทุกข์เหลือเอ่ยนางกำนัลนั้นร่ำไห้
ต่างทุบอกคร่ำครวญป่วนฤทัย ทุกข์ยิ่งใหญ่โศกตรมระงมวัง
ชนหลั่งไหลจากที่ นีนะเวห์ เหมือนน้ำเทจากเขื่อนสิ้นรินไหลหลั่ง
เร่งปล้นเอาเงิน ทอง กองทรัพย์สิน เต็มแผ่นดินจับจองของมีค่า
นีนะเวห์ ถูกทำลายกลายร้างรา เป็นป่าช้าหมดหวังต้องพังภินท์
ใจหายวาบระรัวด้วยกลัวพรั่น หัวเขาสั่นระริกร้าวคราวสูญสิ้น
หน้าซีดเผือดเลือดจากร่างถมดิน โอ้ธานินทร์ของเราเขาทำลาย
นครนั้นอยู่ที่ไหนแปลกใจยิ่ง เมืองถ้ำสิงห์เลี้ยงลูกอ่อนห่อนหนีหาย
และเป็นที่ลูกสิงห์วิ่งหลบกาย อันตรายผ่านพ้นตนปลอดภัย
สิงโตฆ่าเหยื่อมันฟาดฟันยับ ฉีกเหยื่อจับเอามาที่อาศัย
ให้ลูกเมียอิ่มหนำสำราญใจ เก็บเนื้อไว้เต็มถ้ำทำเสบียง
บทที่ 3:1-7
วารสุดท้ายแล้วหนอรออยู่นี่ เมืองที่มีแต่ฆ่าฟันกันนักหนา
ล้วนมีแต่ทรัพย์สมบัติอัฐเงินตรา ปล้นเขามาครอบครองเป็นของตน
เสียงแซ่หวดแน่ไซร้ฟังให้ดี และเสียงนี้รถแล่นไปในถนน
เสียงม้าควบกุบกับสลับวน เสียงสับสนรถศึกแล่นแสนสะเทือน
ทหารม้าประจัญบานชำนาญหลาย ดาบประกาย หอกแววไวหาใดเหมือน
ศพมากมายนักหนาก้มหน้าเบือน นอนตายเกลื่อนสะดุดร่างร้างชีวัน
หญิงงามเมืองนีนะเวห์ เสน่ห์กล้า สะดุดตาบาดใจชวนใฝ่ฝัน
ใช้คาถาล่อชาติปวงหลอกลวงครัน ถูกลงทัณฑ์โทษมีที่สะใจ
ธ ทรงฤทธิ์ตรัสว่าจะลงโทษ “เมืองชั่วโฉด นีนะเวห์ เล่ห์เหลวไหล
จะถอดเสื้อให้เปลือยกายขายหน้าใคร ชาติทั่วไปเห็นเข้าเจ้าต้องอาย”
เราเหยียดเย้ยหยามประณามเจ้า โยนของเน่าโสโครกใส่ล้างไม่หาย
จะค่อนว่าหยันอยู่มิรู้คลาย คนทั้งหลายรังเกียจเจ้าเขาจ้องดู
ใครเห็นเจ้ากล่าวอ้างอย่างสนเท่ห์ นีนะเวห์ เหลือแต่ซากตากหน้าอยู่
ผู้ใดเล่าจักเห็นใจใคร่อุ้มชู ใครคือผู้ปลอบใจให้หายครวญ